บทนำ
การตลาดผ่านอีเวนต์มีการพัฒนาอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั่วโลก อีเวนต์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย หรือสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการจัดงานให้ผู้คนมารวมตัวกัน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจกลยุทธ์และเทรนด์หลักที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในการตลาดผ่านอีเวนต์ในปีนี้จนถึงปี 2025
ธรรมชาติของมนุษย์และการตลาดผ่านอีเวนต์
จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีการปฏิสัมพันธ์และพึ่งพาอาศัยกันตามธรรมชาติ การตลาดผ่านอีเวนต์ก็ที่ได้รับอิทธิพลมาจากธรรมชาตินี้ด้วย โดยเป็นการมุ่งเน้นที่จะนำผู้คนมารวมตัวกันเพื่อสร้างประสบการณ์อันหลากหลายร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม งานเลี้ยง เทศกาล สัมมนา และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนฝังลึกอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา อย่างไรก็ตาม วิธีการคิด การโปรโมต และการลงมือทำงานอีเวนต์ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การรวมตัวกันแบบดั้งเดิมไม่ใช่วิธีการเดียวอีกต่อไปที่สามารถทำได้ เนื่องจากได้มีการนำเอานวัตกรรมดิจิทัลและการผสมผสานระหว่างออฟไลน์และออนไลน์มาใช้ในงานอีเวนต์สมัยใหม่ด้วย
ผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19
การแพร่ระบาดทำให้อุตสาหกรรมอีเวนต์ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก จากการจำกัดการทำกิจกรรมที่มีการรวมตัวกัน และการสร้างความคุ้นชินใหม่ หรือ New Normal ที่ส่งพลต่อพฤติกรรมมนุษย์อย่างมาก เช่น การใส่หน้ากาก การทำงานจากที่บ้าน และการชำระเงินแบบไร้เงินสด วิกฤตการณ์ระดับโลกนี้ทำให้อุตสาหกรรมงานอีเวนต์ต้องปรับตัวโดยหันไปสู่การจัดอีเวนต์เสมือนและไฮบริด โดยธุรกิจต่างๆ ได้มีการหันไปใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเหล่านี้เพื่อช่วยให้สามารถจัดอีเวนต์ สัมมนาออนไลน์ และการประชุมได้ต่อไป
ในช่วงระหว่างและหลังการแพร่ระบาด ผู้คนผันตัวมากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะว่ามีหลายคนตกงาน ขาดรายได้ มีเวลาว่างอยู่บ้านนานมากกว่าปกติ หรือรู้สึกเบื่อกับโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาจึงหันมาทำคอนเทนต์เพื่อหารายได้ แสดงออกถึงตัวตน และเชื่อมต่อกับผู้อื่น
เห็นได้ชัดว่าการระบาดนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาเข้าร่วมสังคมดิจิทัลและมองหาโอกาสใหม่ๆ สำหรับตนเอง โดยความคล่องตัวของการตลาดแบบอีเวนต์ก็ทำให้มันสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางความยากลำบากและพัฒนาไปสู่อีกระดับ
อีเวนต์แบบไฮบริด
นับตั้งแต่เกิดโรคระบาด อีเวนต์แบบไฮบริด หรือ การผสมผสานระหว่างการมาพบปะกันแบบต่อหน้าและแบบภาพเสมือน ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นมาโดยตลอด เพราะอีเวนต์แบบนี้ตอบโจทย์กับทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกได้ ในขณะที่ยังคงความรู้ใกล้ชิดจากการได้พบปะกันแบบตัวต่อตัวเอาไว้
อีเวนต์แบบไฮบริดสามารถทำได้โดยการถ่ายทอดสดหรือการสตรีมจากสถานที่จัดงาน ทำให้ผู้ที่ไม่ได้มาเข้าร่วมสถานที่จริงสามารถเข้าร่วมแบบออนไลน์ได้ ซึ่งรูปแบบนี้ทำให้งานอีเวนต์มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่องค์กรต่างๆ
เทรนด์ของการเป็นพาร์ตเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่างก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยทุกคนสามารถเผยแพร่เนื้อหาของตนเองได้ สามารถแชร์เนื้อหาที่จะแพร่กระจายและกลายเป็นกระแสไวรัลในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
การเป็นพาร์ตเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์สามารถช่วยเพิ่มความสามารถของธุรกิจในการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมาก เทรนด์นี้ไม่ได้มีแค่ในการตลาดแบบอีเวนต์เท่านั้น แต่ธุรกิจหลายแห่งก็ใช้ Influencer Marketing มากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะกลยุทธ์เพื่อขยายการเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
แม้แต่สื่อดั้งเดิม เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ก็ยังใช้ประโยชน์จากอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในการทำงานด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การเป็นพาร์ตเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์จึงเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการตลาดแบบอีเวนต์ด้วยเช่นกัน คุณสามารถใช้ Influencer Marketing เพื่อสร้างความสนใจในงานของคุณได้
การตลาดผ่าน CEO หรือการสร้างแบรนด์ผ่าน CEO
แม้ธุรกิจหลายแห่งจะพึ่งพาการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้นำทางความคิด (KOLs) แต่ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) อาจไม่คุ้มค่า เนื่องจากมีหลายปัจจัย เช่น การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่เหมาะสม คุณภาพของคอนเทนต์ เรต Conversion และค่าใช้จ่ายที่สูง
เมื่อเร็วๆ นี้ การตลาด CEO ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น มันเป็นแนวทางกลยุทธ์ที่ผู้บริหารสูงสุด (CEO) มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมบริษัทและแบรนด์ของตน โดย CEO จะใช้แบรนด์ของตน เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัท สร้างความเชื่อมั่นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) และกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ ในยุคที่ผู้บริโภคต้องการความจริงใจและความโปร่งใส การตลาด CEO จึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
เทรนด์นี้อาจถือเป็นส่วนประกอบของ Governance หรือ ธรรมาภิบาล จาก Environment, Social, และ Governance (ESG) ซึ่งจะกล่าวถึงในลำดับถัดไปในบทความนี้ พาร์ตความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจด้านล่าง
เมื่อ CEOs มีชื่อเสียงในวงการของตนหรือในวงกว้าง พวกเขามีโอกาสที่จะจัดสัมมนาของตนเองหรือเข้าร่วมเป็นวิทยากรในงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้พวกเขาแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัว พูดถึงเส้นทางธุรกิจสู่ความสำเร็จ และให้ข้อคิดในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างแบรนด์ส่วนตัวของตนเอง แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือและความนับถือของธุรกิจ และขยายคอนเนกชั่นได้อย่างกว้างขวาง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Influencer Marketing และ CEO Marketing ในบทความ “ปลดล็อกศักยภาพของแบรนด์: การเจาะลึก Influencer Marketing และ CEO Marketing"
การให้บริการส่วนบุคคล (Personalisation) และ ประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Experiences)
การมีคอนเทนต์มากเกินไปอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกเบื่อหน่ายและคอนเทนต์หลายอย่างไม่ตรงกับความสนใจของพวกเขา การทำ personlisation จึงเป็นทางแก้ไขปัญหานี้ โดยช่วยให้ธุรกิจสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์พฤติกรรม ความชอบ และระดับการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์อีเวนต์ที่ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของแต่ละบุคคล
ตัวอย่าง;
จิมต้องการขายโซดาคนรวยในประเทศไทย เขาทำการวิจัยและพบข้อมูลเชิงลึกว่ากลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบโซดาและสามารถจ่ายในราคาสูงได้เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นจิมจึงพัฒนาโซดาอันหรูหราของเขาให้เข้ากับกระแสสุขภาพโดยการลดแคลอรี่ น้ำตาล และโซเดียม เมื่อผลิตภัณฑ์พร้อมที่จะวางจำหน่าย เขาเลือกใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ที่เป็นสายสุขภาพและดูแพงมาช่วยโปรโมตผลิตภัณฑ์ของเขา นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับโซดาทางเลือกเพื่อสุขภาพ สำหรับงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ จิมยังเลือกสถานที่ใกล้ยิมเพราะได้ข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ที่ออกกำลังกายต้องการเครื่องดื่มสดชื่นหลังจากการออกกำลังกาย
แนวทางเชิงกลยุทธ์ของจิมแสดงให้เห็นว่า personalisation และ data-driven experiences สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกและข้อมูล เขาทำให้ผลิตภัณฑ์ ความพยายามทางการตลาด และการวางแผนอีเวนต์ตอบสนองความต้องการและความชอบเฉพาะของกลุ่มเป้าหมายได้
ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ
เนื่องจากการบริโภคจำนวนมากและความท้าทายระดับโลกที่ทวีคูณขึ้น ความยั่งยืนได้กลายเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่ประชากรและธุรกิจทั่วโลก โดยเกี่ยวข้องกับแนวคิดในการสร้างระบบที่ส่งเสริมการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้ประโยชน์แก่สังคม และสนับสนุนการเติบโตและความมั่นคงในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจไหลเวียนได้ดี
นอกจากความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ (Environmental, Social,และ Economic หรือ ESE) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการตลาดอีเวนต์แล้ว ยังมีแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, และ Governance หรือ ESG) ในขณะที่ ESE เน้นการสร้างระบบที่รองรับการเติบโตและความมั่นคงในระยะยาวโดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและสังคมได้รับประโยชน์ ESG ยังเพิ่มมิติของการกำกับดูแลอย่างมีธรรมาภิบาล ที่ครอบคลุมความเป็นผู้นำของบริษัท การจ่ายค่าตอบแทนของผู้บริหาร การตรวจสอบบัญชี การควบคุมภายใน และสิทธิของผู้ถือหุ้น ธรรมาภิบาลที่ดีจะทำให้การดำเนินงานของบริษัทมีความโปร่งใส ยุติธรรม และมีความรับผิดชอบ ซึ่งส่งเสริมความเชื่อมั่นและความซื่อสัตย์ในกระบวนการทำธุรกิจ
ตัวอย่างของการนำ ESE ไปใช้ในการตลาดอีเวนต์
ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม:
ความยั่งยืนด้านสังคม:
ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ:
การนำหลักการ ESE ไปใช้ในการตลาดอีเวนต์สามารถช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ทำให้งานต่าง ๆ ไม่เพียงแต่บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย แนวทางนี้สร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งขึ้นกับผู้ชมที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และทำให้แบรนด์ของคุณถูกมองว่าเป็นผู้นำในการปฏิบัติธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ
AI และระบบอัตโนมัติกำลังเปลี่ยนแปลงโลก เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณประหยัดเวลา ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจมากขึ้น โดยการทำงานซ้ำ ๆ ให้เป็นอัตโนมัติ คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญกว่า เช่น การปรับแต่งอีเวนต์ให้เหมาะกับผู้เข้าร่วมและทำให้พวกเขามีส่วนร่วมมากขึ้น AI ยังสามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การจัดงานและปรับปรุงผลลัพธ์ได้ นอกจากนี้ การผสานรวม AI และระบบอัตโนมัติในกิจกรรมต่าง ๆ ยังสามารถเสนอประสบการณ์ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจให้กับผู้เข้าร่วม ทำให้งานอีเวนต์นั้น ๆ น่าจดจำและมีผลกระทบมากขึ้น
ตัวอย่างของการนำ AI และระบบอัตโนมัติไปใช้ในการตลาดอีเวนต์
บทสรุป
ในปี 2024 การตลาดแบบอีเวนต์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย โดยพัฒนาควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไป การตลาดแบบอีเวนต์ปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น การระบาดของ COVID-19 เช่นเดียวกับของเหลวที่ปรับตัวให้เข้ากับภาชนะบรรจุ การตลาดแบบอีเวนต์แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความเป็นไปได้ที่หลากหลาย ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างกิจกรรมที่สร้างผลกระทบและน่าจดจำซึ่งสะท้อนถึงโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ เมื่อมองไปข้างหน้าถึงปี 2025 หลักการเหล่านี้จะยังคงมีความเกี่ยวข้อง แต่จะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นและประสบการณ์ของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีพลวัต
บริษัท พิกโซ่ จำกัด และการเปลี่ยนแปลงแบบพลวัต
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอีเวนต์ บริษัท พิกโซ่ จำกัด นำเสนอบริการแบบครบวงจรสำหรับอีเวนต์ นิทรรศการ และการออกแบบภายใน เราอัปเดตงานของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์และเทคโนโลยีล่าสุด โดยปรับใช้กลยุทธ์ส่วนบุคคลเพื่อเพิ่มความสำเร็จให้กับโครงการของคุณ
หากคุณต้องการสร้างงานอีเวนต์ นิทรรศการ หรือการออกแบบภายในที่มีผลลัพธ์ออกมาคุ้มค่า พิกโซ่ คือพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของคุณ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเนื้อหาเกี่ยวกับงานอีเวนต์ งานนิทรรศการและการตกแต่งภายใน สามารถเยี่ยมชมและติดตามช่องทางของเราได้ที่ -
📌 Website: https://bit.ly/picsoweb
📌 Facebook: https://bit.ly/picsofb
📌 Instagram: https://bit.ly/picsoig
📌 TikTok: https://bit.ly/picsott
มาร่วมกันสร้างโซลูชันที่ทำให้ธุรกิจของคุณแตกต่าง ติดต่อ PICSO วันนี้และทำให้โครงการงานนิทรรศการหรือการตกแต่งภายในโครงการต่อไปของคุณโดดเด่นอย่างแท้จริง!
Tel: +66982878697
Line / Kakao: bumin123
Email: bmkim89@picsothailand.com