กลยุทธ์สองประการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ influencer marketing และ CEO marketing แม้ว่าทั้งสองแนวทางจะเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากบุคคลเพื่อสร้างแบรนด์ แต่ทั้งสองมีหลักการที่แตกต่างกันและสามารถมีประสิทธิผลสูงเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงกลยุทธ์ บทความนี้จะเจาะลึกถึงความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของ influencer marketing และ CEO marketing พร้อมทั้งให้คำอธิบายโดยละเอียด ตัวอย่าง และกรณีศึกษาเพื่อแสดงให้เห็นผลจากทั้งสองแนวทาง

 

Influencer Marketing คืออะไร?

 

Influencer Marketing เป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาดโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับบุคคลที่มีตัวตนบนโลกออนไลน์และมีผู้ติดตามจำนวนมาก บุคคลเหล่านี้ซึ่งเรียกว่า อินฟลูเอนเซอร์ ใช้แพลตฟอร์มของตนในการโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยมักจะใช้วิธีการที่ดูเป็นธรรมชาติและเข้าถึงได้ง่าย การตลาดแบบนี้จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่ออินฟลูเอนเซอร์สามารถสร้างความไว้วางใจกับกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้ และมีความจริงใจในการสนับสนุนแบรนด์

 

ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์:

 

1. อินฟลูเอนเซอร์ระดับเมกะ: พวกเขามักจะมีผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 คน เป็นคนดัง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดีย และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างมักจะอยู่ในประเภทนี้

2. อินฟลูเอนเซอร์ระดับแมโคร: พวกเขามีผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 ถึง 1,000,000 คน

3. อินฟลูเอนเซอร์ระดับไมโคร: พวกเขามีผู้ติดตามระหว่าง 10,000 ถึง 100,000 คน

4. อินฟลูเอนเซอร์ระดับนาโน: พวกเขามีผู้ติดตามน้อยกว่า 10,000 คน ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับชุมชนของตน

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

 

แม้ว่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากอาจสร้างการรับรู้ (Awareness) ในวงกว้างได้ แต่อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่าและมีส่วนร่วมมากกว่ามักทรงพลังมากกว่า โดยเฉพาะในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่การเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งและสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้ติดตามเป็นสิ่งสำคัญ

 

ดังนั้น แม้ว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากเพื่อสร้างการรับรู้อาจดูเป็นประโยชน์ แต่ก็อาจมีความเสี่ยงเนื่องจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ความไม่ตรงกันของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของอินฟลูเอนเซอร์อาจไม่ตรงกับตลาดเป้าหมายของคุณ ความไม่สัมพันธ์กันระหว่างต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่สูงอาจไม่ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเสมอไป และความน่าเชื่อถือที่ลดลง เนื่องจากการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ บ่อยครั้งของอินฟลูเอนเซอร์อาจทำลายความไว้วางใจและความถูกต้องแท้จริงในหมู่ผู้ติดตามได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์จะกลายเป็นไวรัล แต่ก็อาจหายไปอย่างรวดเร็วได้ท่ามกลางคอนเทนต์ออนไลน์จำนวนมาก คอนเทนต์ไวรัลไม่ได้ยั่งยืนเสมอไปและอาจจางหายไปจากความสนใจของผู้คนได้อย่างรวดเร็ว

 

เพื่อป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ นักการตลาดบางคนแนะนำให้ใช้อินฟลูเอนเซอร์หลากหลายประเภท ใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและความเป็นไปได้ในการกลายเป็นไวรัล ใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามน้อยเพื่อเสริมความพยายามในการทำ Influencer Marketing ระบุกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และสร้างความไว้วางใจให้กับชุมชนใกล้ชิดของพวกเขา ด้วยวิธีนี้ จะช่วยเพิ่มผลทางการตลาดที่ยั่งยืนและน่าจดจำมากขึ้น

 

ตัวอย่าง Influencer Marketing:

กรณีศึกษา: K-Food & K-Seafood Pavilion ที่งาน K-Expo Thailand 2023 ของ Enjoy K Food (Korea Agro-Fisheries & Food Trade Corporation: aT Center Bangkok) โดย บริษัท พิกโซ่ จำกัด

 

K-Food & K-Seafood Pavilion ที่งาน K-Expo Thailand 2023 เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการทำ influencer marketing สำหรับการโปรโมตอีเวนต์ขนาดใหญ่ โดยการใช้อินฟลูเอนเซอร์หลากหลายตั้งแต่เมกะอินฟลูเอนเซอร์ไปจนถึงนาโนอินฟลูเอนเซอร์อย่างมีกลยุทธ์ ทำให้อีเวนต์นี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมได้จำนวนมากและประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น

 

กลยุทธ์และการดำเนินการของอินฟลูเอนเซอร์:

 

1. อินฟลูเอนเซอร์ระดับเมกะและคนดัง:

 

• ในงานมี K-Pop และ T-Pop มาแสดง ได้แก่ Han Seungwoo, Plan B, Primetime, The7, Hashtax, Berry Berry และ Freen Sarocha การแสดงและการมีส่วนร่วมของพวกเขาทำให้ pavilion แห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดมากขึ้น
• อินฟลูเอนเซอร์ เช่น Bow Kanyarat, Hong Bangkokboy และ RYUNTIME มามอบความบันเทิงในด้านอื่นๆ ให้กับผู้คนด้วยเช่นกัน ซึ่งดึงดูดผู้เข้าร่วมด้วยกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างดี
• นอกจากนี้ยังมีเชฟชื่อดังมาเข้าร่วมด้วย ทำให้ pavilion แห่งนี้มีการเน้นเรื่องอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น

 

 

 

 

 

 

2. อินฟลูเอนเซอร์ระดับนาโนถึงไมโคร:

• ใช้อินฟลูเอนเซอร์ 28 คน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอาหาร เครื่องดื่ม และคอนเทนต์เกาหลี ได้สร้างและแบ่งปันคอนเทนต์กับชุมชนของตนเอง ทำให้กิจกรรมนี้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

 

 

 

ผลลัพธ์:

• กลยุทธ์การตลาดแบบผู้มีอิทธิพลสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมในท้องถิ่นได้ถึง 22,000 คนให้มาที่ pavillon ได้ภายใน 2 วัน
• แคมเปญนี้ได้สร้างโพสต์บนโซเชียลมีเดีย 195 โพสต์บนแพลตฟอร์มต่างๆ
• มีการมีส่วนร่วมออนไลน์แบบออร์แกนิกประมาณ 3 ล้านครั้ง โดยนับใน 1 สัปดาห์หลังจากงานสิ้นสุดลง ซึ่งเน้นย้ำถึงการเข้าถึงที่กว้างและมีประสิทธิภาพของแคมเปญ

 

กรณีศึกษานี้เน้นย้ำถึงประสิทธิผลของการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมกิจกรรมขนาดใหญ่ ด้วยการรวมคนดังที่มีชื่อเสียงกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามน้อย K-Food & K-Seafood Pavilion จึงสร้างการมีส่วนร่วมที่น่าประทับใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สำเร็จ

 

CEO Marketing คืออะไร

 

CEO Marketing เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของ CEO ของบริษัทเพื่อทำการส่งเสริมแบรนด์ โดยมักจะทำเพื่อสร้างแบรนด์บุคคล (personal brand) และการเป็นผู้นำทางความคิด (thought leader) แนวคิดคือการทำให้แบรนด์มีความเป็นมนุษย์ (humanisation) มากขึ้นโดยการนำใบหน้าที่เป็นที่รู้จักมาไว้หน้ากล้อง เพื่อสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือกับทั้งผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม CEO Marketing สามารถมีประสิทธิผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่มองความโปร่งใส ความไว้วางใจ และความเชี่ยวชาญเป็นสิ่งความสำคัญ

 

องค์ประกอบสำคัญของการตลาดของ CEO:

 

1. การสร้างแบรนด์บุคคล (Personal Branding): แบรนด์ส่วนตัวของ CEO ควรสอดคล้องกับค่านิยมและภารกิจของบริษัท ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลการแสดงตัวตนบนโลกออนไลน์ของ CEO อย่างรอบคอบ ตั้งแต่โปรไฟล์โซเชียลมีเดียไปจนถึงการพูดในที่สาธารณะ

 

2. ความเป็นผู้นำทางความคิด (Thought Leadership): CEO สามารถวางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้นำทางความคิดได้โดยการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก ความคิดเห็น และแนวโน้มในอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างแบรนด์บุคคลของพวกเขาได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับความเชี่ยวชาญและนวัตกรรม

 

3. ความโปร่งใสและความถูกต้อง (Transparency และ Authenticity): ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความโปร่งใส CEO ที่เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ ความท้าทาย และความสำเร็จของบริษัทสามารถสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีได้ การสื่อสารที่จริงใจ ไม่ว่าจะเป็นผ่านบล็อก การสัมภาษณ์ หรือโซเชียลมีเดีย ถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำ CEO Marketing ที่มีประสิทธิผล

 

ตัวอย่าง CEO Marketing

กรณีศึกษา: Elon Musk และ Tesla

 

 

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) CEO ของ Tesla ถือเป็นตัวอย่างที่ดีว่า CEO Marketing สามารถนำมาใช้สร้างแบรนด์ได้อย่างไร การมีตัวตนอย่างกระตือรือร้นของมัสก์บน X (Twitter) ซึ่งเขาแชร์ทุกอย่างตั้งแต่การอัปเดตผลิตภัณฑ์ไปจนถึงความคิดเห็นส่วนตัว ทำให้เขาเป็นบุคคลที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ความเต็มใจของเขาที่จะมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคโดยตรงและแก้ไขข้อกังวลของพวกเขาช่วยส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสและความไว้วางใจในแบรนด์ Tesla

 

ตัวอย่างเช่น เมื่อ Tesla เผชิญกับการล่าช้าในการผลิตในปี 2018 มัสก์ได้พูดคุยถึงความท้าทายเหล่านี้อย่างเปิดเผยบน X พร้อมแจ้งข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ ระดับความโปร่งใสนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างการรับรู้ว่า Tesla เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมและคิดล้ำสมัยอีกด้วย

 

 

อิทธิพลของ Musk ขยายออกไปมากกว่าผลิตภัณฑ์ของ Tesla เขาวิสัยทัศน์ของเขาที่มองไปยังอนาคต โดยมีการคำนึงถึงพลังงานที่ยั่งยืนและการสำรวจอวกาศทำให้เขาสามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ Tesla จึงเปรียบเสมือนนวัตกรรม โดยสิ่งที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ก็คือการทำแบรนด์บุคคลและการเป็นผู้นำทางความคิด

 

ทำไม CEO Marketing ถึงดีกว่า Influencer Marketing?

 

แบรนด์ต่างๆ อาจเลือกที่จะเน้นการทำ CEO Marketing แทนหรือทำร่วมกับ Influencer Marketing ด้วยเหตุผลหลายประการ:

 

1. ความถูกต้องและความไว้วางใจ

 

• การนำเสนอแบรนด์โดยตรง: CEO ถือเป็นหน้าตาของแบรนด์ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจได้ ผู้บริโภคมักให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการสื่อสารโดยตรงจากผู้นำของบริษัท

 

• การเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด: CEO Marketing ช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเป้าหมายและแบรนด์แนบชิดกันมากขึ้น เมื่อ CEO แบ่งปันวิสัยทัศน์ ค่านิยม และข้อมูลเชิงลึก จะทำให้แบรนด์มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นและส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายได้

 

2. การสร้างความแตกต่าง

 

• คุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์: CEO marketing สามารถสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์จากคู่แข่งได้ด้วยการแสดงให้เห็นถึงมุมมองและความเชี่ยวชาญที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้นำ ซึ่งวิธีนี้สามารถมีประสิทธิผลอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งการสร้างความแตกต่างถือเป็นสิ่งสำคัญ

 

• ความเป็นผู้นำทางความคิด: CEO สามารถวางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมของตน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้

 

3. การควบคุมและความสม่ำเสมอ

 

• การควบคุมข้อความของแบรนด์: ด้วยการเน้นที่การตลาดของ CEO แบรนด์ต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่าข้อความสำคัญของตนจะถูกสื่อสารอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีความเสี่ยงต่อความคลาดเคลื่อนหรือการตีความผิดที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้อินฟลูเอนเซอร์หลายคน

 

• ทิศทางขแงกลยุทธ์: CEO มีอำนาจควบคุมทิศทางและข้อความเชิงกลยุทธ์โดยตรง ทำให้มั่นใจได้ว่าการสื่อสารทั้งหมดสอดคล้องกับเป้าหมายและค่านิยมโดยรวมของแบรนด์

 

4. ประสิทธิภาพด้านต้นทุน

 

• การพิจารณาต้นทุน: แม้ว่า Influencer Marketing อาจทำให้ใช้ต้นทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอินฟลูเอนเซอร์ระดับแนวหน้า แต่ CEO Marketing อาจมีความคุ้มค่ามากกว่า การใช้ประโยชน์จากสถานะปัจจุบันของ CEO สามารถลดความจำเป็นของค่าใช้จ่ายในการทำ Influencer Marketing ได้

 

• การลงทุนระยะยาว:  CEO Marketing อาจเป็นการลงทุนระยะยาวที่ยั่งยืนกว่าในด้านการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ ในขณะที่แคมเปญอินฟลูเอนเซอร์อาจเป็นในระยะสั้นมากกว่าและขึ้นอยู่กับความนิยมในปัจจุบันของอินฟลูเอนเซอร์

 

5. การจัดการวิกฤต

 

• การสื่อสารโดยตรง: ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต การให้ CEO พูดถึงปัญหาโดยตรงอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาอินฟลูเอนเซอร์ โดย CEO สามารถแจ้งความคืบหน้าอย่างโปร่งใสและแสดงความรับผิดชอบได้ทันที ซึ่งสามารถช่วยจัดการและบรรเทาสถานการณ์เชิงลบได้

 

6. การมีส่วนร่วมภายในและภายนอก

 

• ขวัญกำลังใจของพนักงาน: CEO marketing สามารถส่งผลดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในได้ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่น พนักงานมักรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์มากขึ้นเมื่อเห็นผู้นำมีส่วนร่วมกับสาธารณชนอย่างแข็งขัน

 

• การสัมพันธ์กับนักลงทุน: CEO มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนโดยสื่อสารผ่านวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และผลงานของบริษัท CEO marketing ที่มีประสิทธิภาพจะสามารถช่วยดึงดูดและรักษาผู้ลงทุนไว้ได้

 

โดยสรุปได้ว่า แม้ Influencer Marketing จะมีประสิทธิภาพสูงในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะและกระตุ้นการมีส่วนร่วม แต่ CEO Marketing ก็มีประโยชน์ที่ไม่เหมือนใครหลายประการ เช่น ความจริงแท้ การควบคุม และการจัดแนวทางเชิงกลยุทธ์ แบรนด์ต่างๆ อาจเลือกใช้การตลาดแบบ CEO เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อดีเหล่านี้และปรับปรุงกลยุทธ์แบรนด์โดยรวม

 

การรวม Influencer Marketing และ CEO Marketing เข้าด้วยกัน

 

แม้ว่า Influencer Marketing และ CEO Marketing จะเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน แต่เมื่อใช้รวมกันแล้วก็สามารถทรงพลังได้อย่างเหลือเชื่อ บริษัทต่างๆ สามารถสร้างเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันและน่าสนใจได้ โดยการจัดวางแบรนด์ส่วนบุคคลของซีอีโอให้สอดคล้องกับผู้มีอิทธิพลที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย

 

ตัวอย่าง: Rihanna - Fenty

 

 

แบรนด์ Fenty ของ Rihanna เป็นตัวอย่างของการผสาน CEO marketing และ Influencer Marketing เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์แฟชั่นสมัยใหม่ ในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้สร้างสรรค์ Fenty Beauty และไลน์แฟชั่น Fenty Rihanna เธอใช้สถานะคนดังและการแบรนด์บุคคลของเธอเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของเธอในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การตลาด และการปรากฏตัวต่อสาธารณะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าดึงดูดใจของแบรนด์ได้อย่างมาก

 

ในเวลาเดียวกัน แบรนด์ของ Rihanna ยังร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์และคนดังที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการไม่แบ่งแยกและนวัตกรรม ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยขยายการเข้าถึงและผลลัพธ์อันดีของ Fenty ด้วยการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและมีส่วนร่วม แนวทางสองทางนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างอิทธิพลส่วนตัวของ Rihanna เท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์จากพลังของ Influencer Marketing เพื่อให้เกิดการมองเห็นในวงกว้างและการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับผู้บริโภคอีกด้วย

 

• การสร้างแบรนด์บุคคล: แบรนด์บุคคลที่แข็งแกร่งของ Rihanna และผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียจำนวนมากมีส่วนสำคัญในการส่งเสริม Fenty ความจริงใจและความสัมพันธ์ของเธอสะท้อนถึงแฟนๆ ของเธอ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสนับสนุนกิจการของเธอ

 

• ความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์: Fenty ได้ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์มากมาย รวมถึงคนดังและดาราบนโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ทั้งหลาย ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้สามารถช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่และสร้างความน่าเชื่อถือได้

 

• การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย: Rihanna และ Fenty มีส่วนร่วมกับผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างแข็งขัน ซึ่งช่วยส่งเสริมความรู้สึกเป็นชุมชนและสร้างความภักดี

 

• การตลาดอีเวนต์: Fenty ได้จัดงานที่มีชื่อเสียง เช่น งานแฟชั่นโชว์ Savage x Fenty ซึ่งสร้างกระแสและความสนใจจากสื่อได้อย่างมาก การปรากฏตัวของ Rihanna ในงานเหล่านี้ช่วยยกระดับแบรนด์และเชื่อมต่อกับแฟนๆ ได้มากขึ้น

 

ด้วยการผสมผสานความทรงอิทธิพลส่วนตัวของเธอผู้เป็น CEO เข้ากับกลยุทธ์ Influencer Marketing  ทำให้ Rihanna สามารถวางตำแหน่ง Fenty ให้เป็นแบรนด์ความงามชั้นนำได้สำเร็จ

 

บทสรุป

Influencer marketing และ CEO marketing เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ หากใช้ได้ผลดีจะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตและการมีส่วนร่วมของแบรนด์ได้ Influencer marketing ช่วยยกระดับความไว้วางใจต่อกลุ่มเป้าหมายของพวกเขา ในขณะที่ CEO marketing ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นผู้นำทางความคิดให้กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท การผสานกลยุทธ์เหล่านี้เข้าด้วยกันจะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแนวทางการตลาดที่แข็งแกร่งและเข้าถึงผู้บริโภคได้ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาโครงร่างธุรกิจ (Business Framework) ของคุณและเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด

 

กำลังมองหาวิธีใช้ประโยชน์จาก Influencer Marketing หรือ CEO Marketing สำหรับงานอีเวนต์ครั้งต่อไปอยู่ใช่หรือไม่

 

บริษัทพิกโซ่ คือพันธมิตรที่คุณต้องการ เราจัดเตรียมโซลูชันอีเวนต์ที่ครอบคลุม รวมถึงโปรแกรม Influencer Marketing และ  CEO Marketing  เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนของคุณจะสร้างผลลัพธ์สูงสุด ไม่ว่าคุณจะต้องการข้อเสนอแบบเต็มรูปแบบหรือบริการที่ปรับแต่งได้ ความเชี่ยวชาญของเราในอุตสาหกรรมอีเวนต์รับประกันการให้คำปรึกษาที่จำเป็นและผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ ให้เราช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเนื้อหาเกี่ยวกับงานอีเวนต์ งานนิทรรศการและการตกแต่งภายใน สามารถเยี่ยมชมและติดตามช่องทางของเราได้ที่ -

📌 Website: https://bit.ly/picsoweb

📌 Facebook: https://bit.ly/picsofb

📌 Instagram: https://bit.ly/picsoig

📌 TikTok: https://bit.ly/picsott

 

มาร่วมกันสร้างโซลูชันที่ทำให้ธุรกิจของคุณแตกต่าง ติดต่อ PICSO วันนี้และทำให้โครงการงานนิทรรศการหรือการตกแต่งภายในโครงการต่อไปของคุณโดดเด่นอย่างแท้จริง!

Tel: +66982878697 

Line / Kakao: bumin123 

Email: bmkim89@picsothailand.com